การทำงานในพื้นที่อับอากาศนั้นัมีความอันตรายและความเสี่ยงมากมายนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ช่องทางเข้าและออกที่จำกัด ไปจนถึงการสัมผัสสารพิษที่อาจเกิดขึ้นภายในพื้นที่อับอากาศ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ทุก ๆ ประเทศจำเป็นต้องมี กฎหมายการทำงานในที่อับอากาศ ที่เข้มงวดปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
โดยในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ กฎหมายการทำงานในที่อับอากาศ ในระดับสากล ที่จะทำให้คุณเข้าความสำคัญของการทำงานในที่อับอากาศกันมากขึ้น
รู้จักกับพื้นที่อับอากาศ แบบไหนถึงเรียกว่าพื้นที่อับอากาศ
ก่อนที่จะเจาะลึกเกี่ยวกับ กฎหมายการทำงานในที่อับอากาศ สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจว่าอะไรถือเป็นพื้นที่จำกัด ตามคำจำกัดความ พื้นที่อับอากาศคือพื้นที่ปิดล้อม หรือพื้นที่ที่ถูกปิดไว้บางส่วนจนทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ หรือถ้าเกิดเข้าไปได้ก็อาจจะออกมาได้ยาก และไม่สามารถอยู่ในนั้นได้เป็นเวลานาน และมีความเสี่ยงทั้งเรื่องของสารพิษที่อยู่ภายใน อากาศน้อย และอาจจะไม่สามารถออกมาได้
องค์ประกอบสำคัญของกฎหมายการทำงานในที่อับอากาศ ทั่วโลก
แม้ว่ากฎระเบียบอาจแตกต่างกันไป แต่องค์ประกอบหลักหลายประการนั้นมีความเหมือนกันและถือว่าได้รับการยอมรับในระดับสากล หลัก ๆ แล้วจะมีดังนี้
- การประเมินความเสี่ยง: ก่อนเริ่มงานใดๆ จะต้องมีการประเมินความเสี่ยงที่ครอบคลุมอย่างครบถ้วน ซึ่งรวมถึงการระบุอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ประเมินความรุนแรงและความน่าจะเป็นของอันตรายเหล่านั้น และการกำหนดมาตรการป้องกัน
- การอนุญาต: ควรอนุญาตให้เฉพาะบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมและมีความสามารถเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ การฝึกอบรมควรครอบคลุมไม่เพียงแต่งานที่มีอยู่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงขั้นตอนการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินด้วย
- การระบายอากาศ: การมอนิเตอร์สภาพออกซิเจนภายในพื้นที่อับอากาศอย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจจับก๊าซที่เป็นอันตรายหรือการขาดออกซิเจน ควรจัดให้มีการระบายอากาศที่เหมาะสมเพื่อรักษาคุณภาพอากาศภายในพื้นที่เหล่านั้น
- ระบบการสื่อสาร: เมื่อคำนึงถึงธรรมชาติของพื้นที่จำกัดที่อาจจะเกิดเหตุฉุกเฉินและต้องการความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ระบบการสื่อสารที่แข็งแกร่งจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
- แผนการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน: ควรมีแผนการตอบสนองฉุกเฉินที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงการมีทีมกู้ภัยเตรียมพร้อมพร้อมเครื่องมือที่จำเป็นและการฝึกอบรมเพื่อรับมือกับวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น
กฎหมายการทำงานในที่อับอากาศ ในแต่ละประเทศ
- สหรัฐอเมริกา: OSHA (องค์การบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัย) ในสหรัฐอเมริกามีกฎระเบียบโดยละเอียดภายใต้มาตรฐาน “พื้นที่อับอากาศที่ต้องมีใบอนุญาต” กฎหมายประจำรัฐแคนาดา เช่น พระราชบัญญัติอาชีวอนามัยและความปลอดภัยแห่งออนแทรีโอ ก็เน้นย้ำถึงการคุ้มครองคนงานในพื้นที่อับอากาศด้วย
- ยุโรป: คำสั่งของสหภาพยุโรปกำหนดมาตรฐานการคุ้มครองคนงานในวงกว้าง ซึ่งประเทศสมาชิกจะนำไปปรับใช้กับกรอบกฎหมายของตน เช่นสหราชอาณาจักรมี “กฎระเบียบเกี่ยวกับพื้นที่อับอากาศ” ซึ่งเน้นการประเมินความเสี่ยงและหลักปฏิบัติในการทำงานอย่างปลอดภัย
- ออสเตรเลีย: มีกฎระเบียบเฉพาะภายใต้ “กฎระเบียบด้านสุขภาพและความปลอดภัยของงาน” ในขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย เน้นย้ำถึงความปลอดภัยของพื้นที่อับอากาศภายใต้พระราชบัญญัติโรงงานของตน
- แอฟริกา: ประเทศต่างๆ เช่น แอฟริกาใต้บังคับใช้กฎข้อบังคับเกี่ยวกับพื้นที่อับอากาศภายใต้พระราชบัญญัติอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยมุ่งเน้นที่การฝึกอบรมพนักงานและการบรรเทาอันตราย
กฎหมายการทำงานในที่อับอากาศ ของประเทศไทย
อย่างที่เรารู้กันว่าประเทศไทยก็ถือเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนงานเช่นเดียวกัน ดังนั้นในส่วนของ กฎหมายการทำงานในที่อับอากาศ เราก็ไม่แพ้ประเทศอื่น ๆ ซึ่ง กฎหมายการทำงานในที่อับอากาศ ของประเทศไทยจะอยู่ภายใต้กฎกระทรวงแรงงาน โดยหลัก ๆ แล้วจะมีรายละเอียดดังนี้เลย
- นายจ้างต้องมีการที่ป้ายเตือนให้ชัดเจน โดยแจ้งข้อความว่า ที่อับอากาศ อันตราย ห้ามเข้า
- ห้ามผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในพื้นที่อับอากาศ
- นายจ้างห้ามไม่ให้คนที่มีความเสี่ยงโรคทางเดินหายใจเข้าไปในพื้นที่อับอากาศ
- นายจ้างต้องมีการประเมินความอันตรายหรือความเสี่ยงภายในพื้นที่อับอากาศเป้นประจำและต้องเก็บหลักฐานไว้
- นายจ้างต้องมีการตรวจวัด บันทึกผล และประเมินผลก่อนอนุญาตให้ลูกจ้างเข้าไปภายในพื้นที่อับกาศ
หลัก ๆ แล้วจะมีประมาณนี้ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือต้องการข้อมูลอย่างละเอียดก็สามารถเช็คได้ที่เว็บไซต์กรมแรงงาน